วันศุกร์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

“ดร.วิชิต”ขอบคุณทุกฝ่าย พาทัพไทยเจ้ากีฬาอาเซียน เดินหน้าต่อยอดศึกม.โลก

On December 19, 2018
 
 
“ดร.โต” วิชิต คนึงสุขเกษม หัวหน้าคณะนักกีฬาปัญญาชนไทย ขอบคุณทุกฝ่ายที่มีส่วนร่วมผลักดันให้คว้าเจ้าทองม.อาเซียน สมัยที่ 7 แม้ช่วงแรกจะรู้สึกกดดันมิใช่น้อย แต่เพราะด้วยระบบ “ทีมเวิร์ค” ของทีมงานทุกอย่างจึงสำเร็จเกินเป้าหมาย เตรียมต่อยอดผลงานในศึกม.โลกปี 2019 ที่อิตาลี  
 
การแข่งขันมหกรรมกีฬามหาวิทยาลัยอาเซียน ครั้งที่ 19 เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.ที่ผ่านมา ณ กรุงเนปิดอว์ ประเทศเมียนมาร์ ได้รูดม่านปิดฉากลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ณ สนามวันนา เต๊กกี สเตเดี้ยม ท่ามกลางนักกีฬาจาก 11 ประเทศ โดยมี นายอู เมี๊ยนต์ ส่วย รองประธานาธิบดีประเทศเมียนมา เป็นประธานเปิดการแข่งขันในครั้งนี้ ท่ามกลางความสนใจของประชาชนจำนวนมาก ในส่วนของนักกีฬาไทยนั้นมี ดร.วิชิต คนึงสุขเกษม หัวหน้าคณะนักกีฬาเป็นผู้นำทัพปัญญาชนไทยในฐาะนะเจ้าเหรียญทองสมัยที่ 7 เข้าสู่สนาม ทั้งนี้ทางเจ้าภาพได้จัดให้มีการแสดงศิลปะพื้นเมืองและวัฒนธรรมท้องถิ่นของประเทศเมียนมา เพื่อสื่อความหมายให้ทุกคนได้รับทราบด้วยแสงสีเสียงตระการตา ส่วนเจ้าภาพครั้งต่อไปยังไม่มีชาติใดเสนอตัวรับ จึงไม่มีพิธีมอบธงต่อแต่อย่างใด คาดว่า ฟิลิปปินส์ค่อนข้างมีสิทธิ์สูงเนื่องจากปีหน้าเป็นแม่งานซีเกมส์ ครั้งที่ 30 ด้วย
ทั้งนี้ ดร.วิชิต เปิดเผยว่า มาถึงวันนี้ตัวเองรู้สึกหายเหนื่อยและมีความสุขใจเป็นอย่างยิ่ง หลังได้ประชุมปรึกษาหารือและวางแผนกับหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง ถึงการเตรียมความพร้อมล่วงหน้ามาเป็นหลายเดือน ตลอดจนปัญหาอุปสรรคต่างๆที่เราจะต้องเจอตรงหน้างานว่า มีอะไรบ้าง เพื่อพาทัพกีฬาไทยไปสู่เป้าหมายสูงสุดนั่นก็คือ เจ้าเหรียญทองม.อาเซียน ช่วง 2-3 วันแรกของการแข่งขันตัวเองรู้สึกกังวลใจมิใช่น้อย เนื่องจากเจ้าภาพตัดหลายอีเว้นส์ที่มีชาติมาแข่งขันน้อยออกไป แถมไม่ยอมนับเหรียญรางวัลให้ด้วย ผสมผสานกับนักกีฬาไทยฟอร์มยังไม่เข้าที่ แต่หลังจากเราได้เหรียญทองแรกในตะกร้อประเภทชินลงมาแล้ว วันถัดมาเหรียญทองค่อยทยอยมาให้เห็นเรื่อยๆโดยเฉพาะกีฬา เทนนิส, วูซู, กรีฑา, เรือพาย และ เทเบิลเทนนิส ถือว่า เป็นกีฬาบุคคลที่เรามีความหวัง สามารถครองตำแหน่งเจ้ากีฬาประเภทนั้นๆมาได้ด้วย บ่งบอกให้เห็นถึงศักยภาพและการพัฒนาของทีมงานสตาฟฟ์โค้ชและตัวนักกีฬาเองว่า มีมาตรฐานดีมากน้อยแค่ไหน
ส่วนตัวขอขอบคุณจากใจไปถึงทีมงานทุกฝ่ายไล่ตั้งแต่ผู้จัดการทีม, สตาฟฟ์โค้ช, นักกีฬา และ ทีมแพทย์ ที่เข้ามาดูแลทั้ง 17 ชนิดกีฬาอย่างเต็มที่ จนทำให้เราประสบความสำเร็จนอกประเทศเป็นครั้งที่ 2 เพราะหากทุกฝ่ายไม่ร่วมแรงร่วมใจกัน หรือทำงานแบบ ตัวใครตัวมัน ไม่มีระบบ “ทีมเวิร์ค” ก็ยากที่จะสร้างผลงานกวาดเหรียญทองได้เป็นกอบเป็นกำเช่นนี้ จากเดิมก่อนเดินทางมาแข่งขันตัวเองตั้งเป้าหมายเอาไว้ว่า ไม่ต่ำกว่า 51 ทองเหมือนม.อาเซียน ที่สิงคโปร์ ก็น่าจะพอใจแล้ว แต่ด้วยความร่วมมือกันของทุกฝ่ายโดยเฉพาะ คณะกรรมการกีฬามหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย (กกมท.), สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) รวมไปถึงสปอนเซอร์ใจดีอย่าง บริษัท ทรูคอร์เปอร์เรชั่น และ ผลิตภัณฑ์กีฬา กีลา ที่ให้การช่วยเหลืออยู่เบื้องหลัง จึงทำให้เรามายืนตรงจุดนี้ได้ แถมยังสร้างผลงานทะลุเป้าหมายด้วยคือ ทำได้ 62 ทอง ซึ่งตัวเองไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่า จะได้เพิ่มมากถึงขนาดนี้และขอแสดงความยินดีกับทุกคน
จากนี้ไปตัวเองจะนำข้อมูลทั้งหมดของนักกีฬาที่สร้างผลงานเด่นใน ม.อาเซียน รวมไปถึงโอกาสความหวัง เพื่อนำไปต่อยอดในการแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยโลก ครั้งที่ 30 หรือ “เนเปิ้ลส์ 2019” ณ ประเทศอิตาลี เพราะการแข่งขันระดับดังกล่าวนั้นเราจะต้องมีการเตรียมความพร้อมล่วงหน้ามากกว่านี้ เนื่องจากนักกีฬาที่ร่วมแข่งขันมีดีกรีระดับโลกทั้งสิ้น ขีดความสามารถเหนือกว่าหนนี้มาก แถมประเภทกีฬาที่เราจะส่งแข่งขันนั้นต้องมีโอกาสเข้าไปสู่รอบลึกๆ หรือ ลุ้นเหรียญรางวัลกลับมาได้ด้วยกับงบประมาณที่มีอยู่อย่างจำกัด จึงต้องมีการประชุมปรึกษาหารือกันอีกครั้ง
สรุปผลงานทัพนักกีฬาปัญญาชนไทยคว้ามาได้ทั้งสิ้น 62 เหรียญทอง 52 เหรียญเงิน และ 38 เหรียญทองแดง ครองตำแหน่งเจ้าเหรียญทองเป็นสมัยที่ 7 และเป็นเจ้าทองนอกประเทศครั้งที่ 2 อันดับ 2 อินโดนีเซีย มี 44 ทอง 39 เงิน 30 ทองแดง อันดับ 3 มาเลเซีย 37 ทอง 43 เงิน 49 ทองแดง อันดับ 4 เมียนมา 24 ทอง 26 เงิน 29 ทองแดง และ อันดับ 5 เวีดนาม 16 ทอง 9 เงิน กับ 6 ทองแดง สำหรับคณะนักกีฬาทั้งหมดจะเดินทางกลับถึงสนามบินสุวรรณในวันที่ 20 ธ.ค.นี้ ด้วยเที่ยวบิน พีจี 722 เวลา 22.50 น. 

You must be logged in to post a comment Login